ประวัติและพัฒนาการหนังสือพิมพ์ไทย


วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวโมโจ Mojo


หัวข้อข่าว: นักศึกษา มธบ.โวย มหาลัยปรับเวลาเรียน ปล่อยพักเที่ยงพร้อมกัน
ผู้ผลิต     : 1. นางสาว กนกพร  หมีทอง
            : 2. นางสาว ณัฐชยา  เงินรุ่ง

รายงานข่าว

เนื่องจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้ปรับเวลาเรียนจากเดิมคือ 08.30 น. เป็น 09.00 น. และปรับเวลาพักกลางวันคือ 12.00 น. – 13.30 น. เป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้นักศึกษาได้มีเวลาในการทานอาหารกลางวันพร้อมกัน ทำให้เกิดปัญหาที่นั่งไม่เพียงพอเพราะนักศึกษามีจำนวนมาก ส่งผลให้ร้านอาหารให้บริการไม่ทันต่อความต้องการจนนักศึกษาและบุคลากรบาง ส่วนไม่ได้รับประทานอาหารกลางวัน

วิธีการและขั้นตอนการดำเนินงาน
  1. เลือกประเด็นที่สนใจ
  2. เขียนสคริปท์
  3. ดำเนินการถ่ายทำ โดยใช้อุปกรณ์คือ โทรศัพท์ในการถ่ายทำ และใช้หูฟังในการบันทึกเสียง
  4. เมื่อถ่ายทำเสร็จรวบรวมคลิป
  5. นำมาตัดต่อในโปรแกรม Movie Maker 




บทความวิพากษ์





ลำดับเหตุการณ์
วันที่ 6 ตุลาคม 2557
  • เหตุการณ์ที่ 1 : ผู้ใช้เฟสชื่อ "Areeya Nin" ได้โพสท์คลิปวิดีโอลงโซเชียลเน็ตเวริค
  • เหตุการณ์ที่ 2  :  เพจ YouLike (คลิปเด็ด) ได้นำคลิปวิดีโอมาเผยแพร่
  • เหตุการณ์ที่ 3 : ชาวโซเชียลเน็ตเวริคที่ได้ชมคลิปไม่พอใจและออกมาต่อว่าประเทศเกาหลี
วันที่ 8 ตุลาคม 2557
  • เหตุการณ์ที่ 4 :  นายสถิตย์ ธรรมานุรักษ์ เลขานุการณ์ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบทางเท้า
  • เหตุการณ์ที่ 5 :  คู ยอง กวาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายก่อสร้าง ออกมายืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาลบหลู่เหยียดหยามคนไทย
 วันที่ 10 ตุลาคม 2557
  • เหตุการณ์ที่ 6 :  มีผู้โพสท์รูปทางเท้าลายแผนที่ประเทศไทย บริเวณทางเท้าเมืองอินชอล
  • เหตุการณ์ที่ 7 :  ทางเกาหลีนำเรื่องเข้าประชุมเพื่อทบทวนกันใหม่

Model






จากเกมส์กีฬาสู่คดีทางเท้า


           ม้จะปิดฉากไปได้พักใหญ่แล้ว แต่กระแสข้อพิพาทเรื่องเจ้าภาพเกาหลีใต้กับประเทศไทย ในกีฬาเอเชียนเกมส์ 2014 ที่ผ่านมา ยังคงมีประเด็นให้ได้พูดถึงมากมายตั้งแต่การตัดสินที่ค้านสายตาคนดู ลากยาวมาถึงการถ่ายทอดพิธีปิดที่ยังไม่มีบทสรุปว่าทำไมถึงไม่ยอมถ่ายทีมนักกีฬาไทย อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องทางเท้าในเมืองอินชอน ที่มีลักษณะแบบลายธงชาติไทย ซึ่งหลังมีการเผยภาพดังกล่าวในโลกออนไลน์ ทำให้คนไทยไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะเหมือนให้คนเกาหลีใต้มาเหยียบย่ำประเทศไทย

      
    เมื่อวันที่ 6ตุลาคม 2557 ที่เพจ YouLike(คลิปเด็ด)ได้แชร์คลิปวิดิโอจากผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ"Areeya Nin"ซึ่งเจ้าตัวได้อัดคลิปวิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นทางเดินเท้าที่ประเทศเกาหลีที่เพิ่งทำเสร็จ ลายคล้ายธงชาติไทย โดยมีการเว้นช่วงของอิฐ เป็นสีแดง 1 ก้อน และน้ำเงิน2ก้อนซึ่งทางเดินเท้าดังกล่าวมีความยาวประมาณ1 กิโลเมตร  ทั้งนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊คดังกล่าวได้ระบุข้อความกำกับว่า "ทางเดินเท้าที่เกาหลีพึ่งทำเสร็จได้ประมาณ 2 อาทิตย์ค่ะ เล่นสีออกมาได้บังเอิญมากๆค่ะ ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรได้นะค่ะ ทางเท้าลายแบบนี้ทั้ง 2 ฝั่งถนนค่ะ" 

          
    หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพและวีดิโอคลิปทางเท้ารูปธงชาติไทยในเมืองอินชอนเกาหลีใต้ จนทำให้คนไทยหลายคนไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากลวดลายนั้นมีลักษณะคล้ายลายธงชาติไทยที่เป็นที่เคารพของประชาชนชาวไทย และต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำนี้อย่างมาก หลายคนจากที่เคยต่อต้านกรณีการโกงกีฬาเอเชียนเกมส์ พอมาเจอกรณีนี้ก็ยิ่งเดือดกันมากขึ้นกว่าเดิม ชาวเนตบางคนยังแสดงความคิดเห็นว่าเกาหลีใต้เอาคืนคนไทยที่บุกถล่มเพจเอเชียนเกมส์จนต้องปิดเพจไป พร้อมกับตั้งคำถามว่าเป็นความบังเอิญในการทาสีหรือว่าเจตนากันแน่

         ซึ่งชาวเนตบางส่วน ก็บอกว่าเป็นเพราะบังเอิญที่ทางเกาหลีทำลวดลายคล้ายธงชาติไทยเพราะปรับปรุงก่อนที่จะมีการจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ การเว้นช่วงของอิฐนั้นจริงๆแล้วไม่ใช่สีขาว แต่เป็นสีเทา ซึ่งถ้ามองผ่านๆอาจจะคล้ายกับสีธงชาติไทยเท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจให้คล้ายธงชาติไทยแต่อย่างใด บางรายถึงขั้นโพสต์ข้อความด่าทอ จนถึงขนาดให้งดเสพสื่อเกาหลีกันเลยทีเดียว

       เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557 นายสถิตย์กุล ธรรมานุรักษ์ เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบทางเท้าคล้ายลายธงชาติไทย ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ พบทางเท้าที่มีลวดลายคล้ายธงชาติไทยจริง มีระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร จึงเดินทางไปสำนักงานเขตซอกู พื้นที่รับผิดชอบเพื่อพบนาย คู ยอง กวานเจ้าหน้าที่ฝ่ายก่อสร้างระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นถนนเก่าแก่ จึงดำเนินการปรับปรุงก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เพื่อต้อนรับการแข่งขันเอเชียนเกมส์ โดยใช้งบประมาณ 260 ล้านวอน หรือประมาณ 8 ล้านบาทไทย        

        นายคู ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยมีคนไทย เข้ามาร้องเรียนทางสำนักงานเขต และยืนยันไม่เกี่ยวข้องที่จะเอาคืนคนไทย หลังชาวไทยบุกต่อว่าเกาหลีใต้ในโลกออนไลน์ เพราะทางเท้าดังกล่าวสร้างเสร็จก่อนการแข่งขันเอเชียนเกมส์จะเริ่มขึ้น  ยืนยันไม่มีเจตนาลบหลู่ หรือ เหยียดหยามคนไทย ล่าสุดเตรียมนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมเพื่อทบทวนกันใหม่

         และเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 57 หลังจากที่ข่าวดังนี้กำลังร้อนระอุและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในสังคม ได้มีคนนำภาพทางเท้าลายแผนที่ประเทศไทยที่มีข้อความเขียนอยู่ข้างๆกันว่าThailandมาลงไว้ในคอมเม้นท์ ที่ซึ่งกำลังพูดถึงประเด็นทางเท้าคล้ายธงชาติไทย ทำให้ชาวเน็ตหันมาให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์กันมากขึ้นอีก ซึ่งทางเท้าลายแผนที่ประเทศไทยอยู่บนทางเท้าที่เมืองอินชอลประเทศเกาหลีใต้เช่นกัน โดยที่เจ้าของโพสท์ได้เขียนข้อความกำกับไว้ว่า บริเวณนั้นเป็นบริเวณไทยแลนด์โซน เพราะมีร้านอาหารไทย และแรงงานไทยอยู่เป็นจำนวนมาก คนไทยที่อยู่ที่นี่น่าจะได้รับความอบอุ่น และที่สำคัญบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัดไทย ทุกๆเช้าพระสงฆ์ก็จะออกบิณฑบาตผ่านทางเดินนี้ด้วยเช่นกัน และได้บอกอีกว่า ไม่เข้าใจคนที่นำภาพนี้ไปนำเสนอมักจะนำเสนอไปในทางลบ ว่ามีจุดประสงค์อะไรที่มาทำให้เกิดความขัดแย้งในระหว่างประเทศ ซึ่งกรณีนี้ยังไม่มีผู้ไปตรวจสอบหรือไปร้องเรียนแต่อย่างใด

        นอกจากนี้ เว็บดังอย่างเว็บพันทิปก็มีการตั้งกระทู้ขึ้น โดยมีหัวข้อหลากหลายแง่มุมกันออกไป รวมทั้งยังมีการแปลคำพูดที่มาจากความคิดเห็นของชาวเกาหลีใต้ ที่ได้รู้ว่าคนไทยไม่พอใจกรณีทางเท้าที่มีลายคล้ายธงชาติไทยที่ข้อความส่วนมากจะเป็นข้อความดูถูกเหยียดหยามคนไทย  ซึ่งชาวเนตของไทยเมื่อได้อ่านข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยจากเว็บพันทิปก็ยิ่งเหมือนการเติมเชื้อไฟให้ยิ่งร้อนระอุมากขึ้นไปอีก

       นอกจากทางเจ้าบ้านบอกว่าเตรียมนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมเพื่อนำไปทบทวนกันใหม่ ก็ยังไม่มีบทสรุปออกมาว่าจะแก้ไขทางเท้าเพื่อความสบายใจของคนไทยหรือจะปล่อยให้ทางเท้าเป็นลายคล้ายธงชาติไทยเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวเป็นความคิดส่วนบุคคลว่าจะคิดกันไปในทางบวกหรือลบ เพราะหากรับฟังจากคู่กรณีแล้ว ทางเท้าที่คล้ายธงชาติไทยนั้นได้ทำการปรับปรุงก่อนการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ก็คือสร้างเสร็จก่อนที่จะมีปัญหาการแข่งขันจนทำให้เกิดปัญหาในโลกออนไลน์ ทางเกาหลีเองก็ออกมาขอโทษและยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาลบหลู่เหยียดหยามคนไทยแต่อย่างใด







ประสงค์ สุ่นศิริ นักหนังสือพิมพ์ของไทย




           
  นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์) และผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์แนวหน้า
            นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นชาวอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2470 สมรสกับนางสุคนธ์ สุ่นศิริ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศึกษาต่อที่ โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ก่อนไปเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโท สาขาการบริหาร ที่สหรัฐอเมริกา
         นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ เริ่มรับราชการเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนประจำจังหวัดราชบุรี ต่อมาได้รับการโอนไปรับราชการทหารที่กรมข่าวทหารอากาศ ติดยศเรืออากาศตรี เป็นนายทหารคนสนิทติดตาม พลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา ไปอยู่ที่สำนักรักษาความปลอดภัย กองทัพอากาศ จากนั้นในปี พ.ศ. 2509 ได้รับทุนไปเรียนด้านข่าวกรองที่กองทัพอากาศ สหรัฐอเมริกา เมื่อเดินทางกลับมาได้ย้ายไปสังกัดสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากอง1 สมช.,ผู้อำนวยการข่าวกรอง, ผู้ช่วยเลขานุการ สมช., รองเลขาธิการ สมช. และ พ.ศ. 2523 เป็นเลขาธิการ สมช. ต่อจาก พล.อ.สิทธิ เศวตศิลา ที่เกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2529 ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. เพื่อมารับตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในสมัยรัฐบาล "เปรม 5" ภาพลักษณ์ของ น.ต.ประสงค์ ที่เชี่ยวชาญด้านงานข่าวกรอง ทำให้ได้ฉายาว่า "ซีไอเอเมืองไทย"
         ในปี พ.ศ. 2531 น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ได้เข้าทำงานการเมืองเต็มตัว โดยรับหน้าที่เป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ จากนั้น พ.ศ. 2535 ได้ย้ายมาร่วมงานกับพรรคพลังธรรม เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2535/2 และได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ในรัฐบาล "ชวน 1"  ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และหัวหน้าพรรคพลังธรรม น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริจึงลาออกไปตั้งพรรคนำไทย ร่วมกับนายอำนวย วีรวรรณ จนในปี พ.ศ. 2539 เปิดตัวในฐานะสื่อมวลชน เป็นผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์แนวหน้า เขียนคอลัมน์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริพูด มีจุดยืนค้านรัฐบาลอย่างชัดเจน ทั้งรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา, รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กระทั่งปี พ.ศ. 2540 ได้เข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย
          ในปี พ.ศ. 2547 ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร น.ต.ประสงค์ได้ทำการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างหนัก จนได้รับฉายาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า "ปีศาจคาบไปป์" เนื่องจากเป็นบุคคลที่ชอบสูบและคาบไปป์จนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งต่อมา น.ต.ประสงค์ได้เข้าร่วมกับนักธุรกิจและนักการเมืองหลายคน อาทิ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์, นายเอกยุทธ อัญชันบุตร, พล.ท.เจริญศักดิ์ เที่ยงธรรม ก่อตั้งกลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์ ขึ้นมาในกลางปีเดียวกันเพื่อทำการชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นที่ท้องสนามหลวง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งหลังจากมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นในต้นปี พ.ศ. 2549 สมาชิกในกลุ่มนี้หลายคนก็ได้เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับทางกลุ่มพันธมิตรฯด้วย

         หลังการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 น.ต.ประสงค์ มีข่าวว่าจะได้รับตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ท้ายสุดก็ได้เพียงแค่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเป็นประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2550 เท่านั้น
        จากหลายบทบาทที่ยาวนาน ทั้งกูรูด้านข่าวกรองความมั่นคง นักการเมือง คอลัมนิสต์ น.ต.ประสงค์สุ่นศิริ ได้ตกผลึกออกมาเป็นงานเขียนหนังสือหลายเล่ม เช่น   สุนัขตัวนั้น    รู้ทันกังฉิน ชาดกฉ้อฉล นิทานคนโกง พงศาวดารกินเมือง ปฏิวัติ-รัฐประหาร ทหารกับนักการเมือง   สงครามก่อการร้าย...อันตรายใกล้ตัว  คลื่นลูกเก่า  อยู่อย่างจีน