แต่เหตุการณ์การปราบปรามสื่อหนังสือพิมพ์ครั้งใหญ่จะเห็นได้ชัด
ในช่วงของการเดินขบวนครั้งใหญ่เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญของขบวนการนิสิตนักศึกษาและประชาชนหรือที่เรียกว่า
“การปฏิวัติ14 ตุลา” โดยประชาชน ได้นำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลทหาร
เป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ
เปิดฟ้าใหม่ให้แก่สิทธิเสรีภาพของหนังสือพิมพ์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
มีหนังสือพิมพ์ เกิดใหม่เป็นจำนวนมาก และหนังสือพิมพ์มีจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างหลากหลายทั้งในฝ่ายเสรีนิยมและสังคมนิยม
รวมแล้วมีการขอออกหนังสือพิมพ์ถึง 753 ฉบับ แต่มีเพียงร้อยละ10 ที่ดำเนินการจริง
ในช่วงปี พ.ศ. 2517
มีคนหนุ่มสาวและกลุ่มปัญญาชนหัวก้าวหน้าเข้าสู้วงการหนังสือพิมพ์
แบละได้ออหนังสือพิมพ์แนวการเมือง เช่น ประชาชาติ ประชาธิปไตย และ The Voice of the Nation ส่วนนิสิตนักศึกษาได้ออกหนังสือพิมพ์
อธิปัตย์ เพื่อใช้เป็นเวทีในการแสดงบทบาททางการเมืองในอีกด้านหนึ่ง หนังสือพิมพ์
แนวอาชญากรรม เช่น ไทยรัฐ เดลินิวส์ ดาวสยาม ก็ใช้โอกาสที่เสรีภาพเปิดกว้างในการขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว
ขายข่าวในเรื่องอาชญากรรม ความรุนแรงและเรื่องทางเพศอย่างโจ่งครึ่มในปี พ.ศ. 2518 ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
เป็นรายกรัฐมนตรีได้ประกาศพระราชบัญญัติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พุทธศักราช2518 ที่อนุญาตให้มีการยึดแท่นพิมพ์ได้
มาควบคุมหนังสือพิมพ์แม้ว่านักหนังสือพิมพ์จะเรียกร้องให้ยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์
พ.ศ. 2484
และพร้อมจะจัดตั้งสภาการหนังสือพิมพ์เพื่อควบคุมกันเองในทางวิชาชีพ
อย่างไรก็
ดีบรรยากาศที่เสรีภาพเบ่งบานเต็มที่ในช่วงระยะ 3 ปี พ.ศ.2516-2519 ต้องสะดุดหยุดลง เมื่อฝ่ายอนุรักษนิยมร่วมมือกับทหารใช้กำลังปราบปรามนักศึกษาและประชาชนที่ประท้วงการกลับมาของจอมพบ
ถนอม กิตติขจร หลังจากนั้น
กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคณะปฏิรูปได้ก่อการรัฐประหารในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และบริหารประเทศด้วยการหิดกั้นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. 2517 และประกาศใช้ธรรมนูญการปกครอง พ.ศ.2520 ซึ่งไม่มีบทบัญญัติใดๆที่รับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและของสื่อมวลชน
มีการออกประกาศคณะปฏิรูปฉบับที่ 42 สั่งปิดหนังสือพิมพ์และมีการตรวจเซนเซอร์อย่างเข้มงวด
หนังสือพิมพ์ที่ถูกกล่าวหาว่าเอียงซ้ายถูกยึดและมีรายชื่อหนังสือต้องห้าม 100 เล่ม ผู้ใดมีไว้ครอบครองจะถูกยึดและเผา
มีคำสั่งเรียกผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเข้าพบที่กอบบัญชาการทหารสูงสุด
เพื่อให้ของอนุมัติตี พิมพ์หนังสือพิมพ์เป็นรายๆไป หนังสือพิมพ์ที่ได้รับอนุมัติ
คือหนังสือพิมพ์ที่มีทัศนะเอียงขวาและกลางๆมีจำนวนทั้งสิ้น 12ฉบับ
ซึ่งไม่มีการวิจารณ์รัฐบาลคณะปฏิรูปอย่างสิ้นเชิงนิสิตนักศึกษาและปัญญาชนฝ่ายซ้ายหนีภัยคุกคามจากรัฐบาล
เข้าป่าจับอาวุธต่อสู่ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)
และมีการเผยแพร่ความคิดทางการเมืองผ่านวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย
และสื่อสิ่งพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์และพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยการสู้รบด้วยกำลังอาวุธระหว่างทหารรัฐบาลและกอบทัพปลดแอกของพรรคคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลงเมื่อรัฐบาลประกาศนโยบาย
66/2523 และ65/2524 เพื่อลดสภาพความขัดแย้งรุนแรง และการต่อสู้ทางความคิดและความเชื่อทางการเมืองที่ช้ำลังอาวุธและได้ประกาศนิรโทษกรรมแก่ผู้ที่กลับจากป่าค้นสู่สังคมเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น