สถานการณ์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองมีการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจระหว่าง กลุ่มเจ้านายและคณะราษฎร ทำให้หนังสือพิมพ์มีการแบ่งเป็นฝักฝ่าย คือ ฝ่ายอิสระ ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายนิยมกษัตริย์ รัฐบาล(คณะราษฎร) ควบคุมหนังสือพิมพ์อย่างเคร่งครัดเพราะไม่มั่นใจในเสถียรภาพของตน หวาดระแวงฝ่ายกษัตริย์ รวมถึงหวาดกลัวต่อการแทรกแซงของต่างประเทศ มีการตรวจข่าวก่อนนำลงตีพิมพ์ หนังสือพิมพ์ถูกสั่งปิดในสมัยนี้หลายฉบับ แต่บางฉบับเลี่ยงโดยลดเนื้อหาข่าวการเมือง ไปนำเสนอข่าวชาวบ้าน และนิยายแทน
ในยุคนี้ได้ออกพระราชบัญญัติมาควบคุมหนังสือพิมพ์จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติการพิมพพุทธศักราช 2476 โดยกำหนดวุฒิการศึกษาของบรรณาธิการต้องสอบไล่ชั้นประโยคมัธยมบริบูรณ์หรือ เทียบเท่า หรือเป็นผู้ซึ่งมีวิทยาฐานะอันมีกรรมการซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยไม่ต่ำกว่า 3 นาย เพื่อต้องการให้หนังสือพิมพ์มีมาตรฐาน ขณะเดียวกันเป็นการควบคุมจำนวนหนังสือพิมพ์ไปด้วย
อีกฉบับหนึ่งเกิดในยุคสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม(พ.ศ.2481-2487) ได้แก่ พระราชบัญญัติการพิมพ์พุทธศักราช 2484 เพื่อควบคุมหนังสือพิมพ์ในภาวะฉุกเฉินหรือภาวะสงคราม เจ้าพนักงานการพิมพ์ คือ อธิบดีกรมตำรวจ ทำหน้าที่ตรวจข่าวโฆษณา ถ้าเห็นว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน สั่งถอนใบอนุญาตหนังสือพิมพ์ได้ และกำหนดเงินทุนขั้นต่ำของการดำเนินงานหนังสือพิมพ์ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท ทำให้หนังสือพิมพ์ต้องยุบรวมกัน ง่ายต่อการควบคุม อีกทั้งในช่วงภาวะสงคราม ต้องมีการปันส่วนกระดาษและมีการประกาศยกเลิกใช้หนังสือพิมพ์บางหัว ทำให้หนังสือพิมพ์ถูกควบคุมทางอ้อมจึงทำหน้าที่กลายเป็นผู้บันทึกเหตุการณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น